2018 Week41 :จิณัฏฐ์ภัค เกียรติวุฒินนท์

2018week41
8 ตุลาคม 2018 10 view(s)
2018 Week41 :จิณัฏฐ์ภัค เกียรติวุฒินนท์

จิณัฏฐ์ภัค เกียรติวุฒินนท์

จิณัฏฐ์ภัค เกียรติวุฒินนท์ (จิน่า) : สัปดาห์นี้ขอชวนคุณมาทำความรู้จักกับบริษัทออกแบบชั้นนำ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการโรงแรม เพราะทำงานออกแบบให้กับโรงแรมเครือใหญ่ๆ มาแทบจะครบหมดทุกแบรนด์แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Hilton, Sheraton, Novotel, Marriott, Pullman, Holiday Inn, Anantara, W Hotel & Resort และอื่นๆ อีกมากมาย ไปพูดคุยกันต่อกับ Senior Interior Designer บริษัท SODA (Thailand)

“งานของ SODA (Thailand) ประมาณ 80% จะเป็นงานที่เกี่ยวกับภาคธุรกิจบริการ เราเชี่ยวชาญงานด้าน Hotel ทั้งหมดค่ะ โรงแรมที่ทำส่วนมากจะเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว และตอนนี้เพิ่งเริ่มรับทำโรงแรมระดับ 3-4 ดาวบ้างค่ะ ซึ่งจะเป็นลักษณะของโรงแรมสมัยใหม่ เป็นเทรนด์แห่งอนาคต เรารับทำทุกอย่างค่ะ ทั้งงาน Architect, Interior, Landscape, Branding มี 2 สาขา คือ ไทย (สำนักงานใหญ่) และสิงค์โปร์  งานหลักๆ จะอยู่ในต่างประเทศแต่ก็มีโปรเจคในเมืองไทยบ้างค่ะ

“ตอนนี้โรงแรม 3-5 ดาว หลายๆ ที่เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาเริ่มมาเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งมันก็ส่งผลมาถึงงานออกแบบของเราด้วย เราต้องออกแบบให้มันเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ซึ่งมันก็จะต่างไปจากรูปแบบที่ใช้กับคนรุ่นเก่า เช่น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาเราเข้าห้องพักแน่นอนว่าเราจะเจอทีวี แต่โรงแรมเดี๋ยวนี้ไม่ต้องมีทีวีแล้วเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยดูทีวี แต่ทางโรงแรมจะจัดเตรียม Tablet ให้แทน หรืออย่างโทรศัพท์ในห้องเขาก็ไม่มีกันแล้ว เพราะคนไม่ค่อยใช้โทรศัพท์ แต่เขาจะอำนวยความสะดวกผ่าน Application แทนค่ะ และสำหรับงานโรงแรม ถ้าอะไรที่มันไม่ใช้แต่ยังทำให้มีอยู่ในห้อง สุดท้ายก็เท่ากับทำแล้วสูญเปล่า เสียเงินฟรี ฉะนั้นคือ เราก็ต้องคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงแล้วมาประยุกต์กับงานออกแบบ เพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้ด้วยค่ะ”

“แม้กระทั่งการ Check-in ถ้าเป็นเมื่อก่อนเข้าไปเราจะเจอเคาน์เตอร์ Reception แต่ถ้าเป็นโรงแรมสมัยใหม่เขาจะมีการรวมเอาฟังก์ชั่นระหว่างความเป็น Bar และ Reception เข้าด้วยกัน มันจะเป็นลักษณะ Self Check-in เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าค่ะ  นอกจากนี้ยังมีเรื่องของตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำดีไซน์แบบเปิดโล่งด้วย คือเมื่อก่อนเราจะคิดว่าการอาบน้ำมันจะต้องเกิดขึ้นในกรอบและในพื้นที่แบบปิดท่านั้น แต่ตอนนี้ส่วนมากเราเปิดแล้ว แต่คำว่า “เปิด” ในที่นี้ไม่ใช่การเปิดโล่งทั้งหมด คือ มันก็ยังมีพื้นที่บางส่วนที่ปิด  มีม่านหรือมีพาร์ทิชั่นใสมากั้นค่ะ เพราะการเปิดพื้นที่โล่งมันจะช่วยทำให้ห้องพักดูกว้างขึ้น มันเป็น New Trend ของโรงแรมตอนนี้ค่ะ”

“เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างที่เราเลือกใช้สำหรับงานโรงแรมส่วนใหญ่เป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวค่ะ เพราะมันตอบโจทย์กับโรงแรมยุคนี้ มันเคลื่อนย้ายสะดวกและติดตั้งเร็ว เพราะว่าลูกค้าที่ทำธุรกิจโรงแรมส่วนมากเขาก็อยากจะได้ห้องเร็วที่สุด แต่งานบิลท์อินมันใช้เวลานาน และบางครั้งเราไม่สามารถควบคุมเวลาหรืองบประมาณได้ และบางทีก็อาจประกอบออกมาแล้วไม่สวยด้วยซ้ำ พอยุคสมัยมันเปลี่ยนไป  หน้าที่ของดีไซน์เนอร์มันจะมีเรื่องของการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยส่วนหนึ่ง คือ เราต้องพัฒนางานออกแบบไปพร้อมๆ กับการพัฒนาตัวสินค้าด้วยค่ะ” 

จริงๆ ไลฟ์สไตล์เปลี่ยน เพราะโลกเปลี่ยนไป ด้วย Generation คนมันเปลี่ยนไป งานดีไซน์ก็ต้องปรับตามเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ค่ะ คือตอนนี้อะไรๆ ก็ GEN-Y  เพราะมันเป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ เขาต้องการอะไรที่มันเร็วและง่าย เห็นแล้วประทับใจตั้งแต่ครั้งแรก สมมุติเขาเข้าไปโรงแรม เห็นดีไซน์นี้แล้วแบบ โห! สวยอยากถ่ายรูป ถ่ายปุ๊บโพสต์ปั๊บหลังจากนั้นคือดีไซน์ Work เลยนะ คือเทรนด์มันเปลี่ยนแล้ว มันมีเรื่อง Social Media เข้ามา ดีไซน์เนอร์ก็ต้องคิดแล้วว่ามุมไหนสามารถถ่ายรูปได้ มันไม่ใช่แค่คำว่าสวยของเรา แต่สวยของคนอีกแบบนึง ฉะนั้นในงานออกแบบมันจะต้องตอบโจทย์ในเรื่องนี้ด้วย อีกอย่างมันก็ดีกับผู้ประกอบการด้วยค่ะ  พอคำว่า Interior กับ Marketing มารวมกัน มันกลายเป็นเรื่อง Social  Media 

“เวลาออกแบบงานโรงแรมเดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่ให้คนเข้าไปพักเหมือนโรงแรมสมัยก่อนค่ะ แต่เราต้องใส่ความเป็นไลฟ์สไตล์เข้าไปด้วย บางโรงแรมก็ทำเป็นร้านค้าอยู่ข้างล่าง ตอนนี้โรงแรมหลายแบรนด์ต้องพัฒนาหมด เพราะฉะนั้นคนเป็นดีไซน์เนอร์ต้องทำงานออกแบบที่ใส่เรื่องของไลฟ์สไตล์เข้าไปด้วย มันเหมือนเป็นเทรนด์ของความเป็นดีไซน์เนอร์ด้วยเหมือนกันค่ะ”

“สำหรับ SODA เราไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้พื้นที่สวยอย่างเดียว แต่จะคิดว่าทำยังไงให้มันส่งผลต่อคนที่เข้ามาใช้งานพื้นที่ด้วย มันคือการทำยังไงให้คนมีส่วนร่วม เราเน้นการออกแบบพื้นที่ให้คนมีปฏิสัมพันธ์กันค่ะ เช่น เราออกแบบให้มีโต๊ะตัวใหญ่เพื่อต้องการให้คนมานั่งทำงานด้วยกัน คือหลายโรงแรม บางทีเขาออกแบบเป็นที่นั่งและโต๊ะเล็กๆ ซึ่งทำให้คนก็ไปนั่งในที่ของตัวเอง ไม่มีใครคุยกัน ตอนนี้บางโรงแรมเขาก็เริ่มทำพื้นที่ที่ไม่ใช่แค่ Lobby ธรรมดา แต่ทำให้เหมือนเป็นกึ่งบ้านกึ่งคาเฟ่ ทำให้หลายคนที่มานั่งได้ Join กัน  จิน่าว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของงานดีไซน์เนอร์ด้วยค่ะ คือ ต้องคิดด้วยว่าเราจะทำยังไงให้สังคมมันกลับมา ทำยังไงไม่ให้เกิดการแตกแยก การเป็นดีไซน์เนอร์มันไม่ใช่แค่ว่าเราได้โจทย์มาแล้วเราคิดว่าจะดีไซน์ยังไงให้มันสวย แต่เราต้องคิดด้วยว่าฟังก์ชันอื่นที่จะทำให้ Space นั้นมัน Work จริงๆ น่ะมันคืออะไร”

 

  • ขอเน้นเรื่องการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ก่อนแล้วกันค่ะ ตอนนี้เฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดแบบ Oversize เป็นเทรนด์ที่กำลังมาค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูขนาดพื้นที่บ้านของแต่ละคนก่อนว่ามันจะไปอยู่ในรูปแบบไหนได้ สมมุติถ้ามีพื้นที่ไม่เยอะมาก คุณอาจต้องใช้แบบที่เป็น Modular หรืออะไรที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างเพื่อเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้ เพื่อมาช่วยเรื่องการประหยัดพื้นที่หรือในบางบ้านที่เพิ่งมีลูกเล็ก แต่ Space ในบ้านไม่เยอะมาก อาจจะลองเปลี่ยนจากการใช้ฟูกเป็นที่นอน ไปเป็น Sofa Bed แทน เพื่อที่ตอนกลางวันคุณจะสามารถใช้พื้นที่ตรงนั้นเลี้ยงลูกได้
 
  • บ้านไหนที่พื้นที่เก็บของไม่พอ เราอาจจะลองเปลี่ยนพื้นที่โล่งตามซอกตามมุมในบ้านเราให้กลายเป็นที่เก็บของ เช่นใต้เตียง หรือทุกอย่างที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ ก็ลองดูว่าเราจะสามารถเพิ่ม Storage เข้าไปได้ไหม เมื่อมันเป็นเรื่องของที่อยู่อาศัย ทุกพื้นที่มันควรต้อง Functional มากๆ และประหยัดพื้นที่มากๆ มันจึงจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนปัจจุบัน
 
  • ปัญหาของบ้านที่มีพื้นที่มาก คือ สมาชิกในบ้านไม่ค่อยคุยกัน ทุกคนจะไปหาที่เหมาะๆ แล้วก็ก้มหน้าเล่นมือถือ  คราวนี้เฟอร์นิเจอร์จะเข้ามาตอบโจทย์ยังไง? การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Oversize มันทำให้คนต้องมานั่งด้วยกัน จากโซฟาที่นั่งได้แค่สองคน เราลองปรับเป็น L Shape หรือ U Shape เพื่อทำให้คนนั่งหันมองหน้ากัน มันช่วยเรื่องของความสัมพันธ์ในครอบครัวได้มากขึ้น
 
  • ในบ้านควรมีพื้นที่ส่วนหนึ่งที่เป็น Functional Area ที่มีทั้งความ Outdoor และ Indoor ซึ่งเดี๋ยวนี้ในงานออกแบบก็จะมีการจัดให้มีสวนขนาดเล็กเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตัวบ้านมากขึ้น ข้อดีคือมันมีการเปิดช่องแสง ทำให้มีพื้นที่สีเขียว ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยได้พลังจากธรรมชาติและเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย หรือถ้าพื้นที่ไม่มากก็อาจจัดเป็นแค่กระถางเล็กๆ ตามจุดต่างๆ ในบ้านก็ได้

Favorite items

Favorite Corners in SB Design Square

ชอบมุมนี้เพราะมันดูเท่ แล้วก็มีต้นไม้เป็นองค์ประกอบให้มีสีเขียวตัดนิดนึง  มี Artwork ที่ดูเด่นๆ เพิ่มพื้นที่ให้ดูมีความ Artistic มากขึ้น และยังเป็นตัวบ่งบอกถึง Sense ทางศิลปะของเจ้าของบ้านอีกด้วย อีกทั้งการสื่อสารของโทนสี  ซึ่งห้องนี้จริงๆ มีแค่ประมาณ 3 โทนเอง คือ ดำ ขาว น้ำตาล แล้วก็ทองนิดนึง ซึ่งมันคือ Perfect Communication แล้ว มันดูแบบถ้าเป็นผู้ชายก็คือ เขาเท่แต่แอบมีลุคแบบ Artistic หน่อยๆ 

ส่วนตัวชอบเตียงสไตล์นี้อยู่แล้ว ซึ่งอันนี้มีความตอบโจทย์ คือมันดู Urban และเป็นเมืองแบบ Upper Class ขึ้นมานิดนึง คือมันมีกึ่งความเป็นคลาสสิค กึ่งคนในเมืองอยู่ เป็นเมืองแบบเท่ๆ ...เหมือนกับว่า เดินออกไปแล้วดึงเสื้อทีนึงแล้วหล่อเลย แล้วก็ชอบตรง Closet ที่มันเปิดโล่งด้วยค่ะ อันนี้มันตอบโจทย์ชีวิตคนในเมืองจริงๆ ที่ทุกชั้นวางของมันได้ใช้งานจริง มันเก็บของได้เยอะ หลักๆ คือชอบโทนสีค่ะ มันมีความเป็นเทา น้ำตาล ขาว แล้วก็มี Texture ของความเป็นเฟอร์นิเจอร์ขึ้นมานิดนึง ทำให้ดู Elegance ขึ้นมาหน่อย

ต้องการความช่วยเหลือทักแชตเลย

Live Chat With SB Design Squarex